New chapter of GRIMOLDI Milano
GRIMOLDI เป็นแบรนด์ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ VABENE แบรนด์นาฬิกาที่คนไทยรู้จักกันดี โดยตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา GRIMOLDI เป็นทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง พร้อมใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อย่างยาวนาน จนออกผลิตภัณฑ์ต่างๆ มาแล้วหลายร้อยซีรี่ส์ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมีความสำเร็จก็ย่อมต้องมีความล้มเหลว GRIMOLDI ผ่านมรสุมมามากมายทั้งจากภายนอกและภายใน หลังจากหยุดการผลิตคอลเลคชั่นต่างๆ ไปพักใหญ่ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ GRIMOLDI จะกลับมาทำตลาดใหม่อย่างครบเครื่องอีกครั้ง GRIMOLDI เป็นธุรกิจครอบครัวอิตาเลียน ที่ตั้งใจดำเนินธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายในการรังสรรค์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ให้สะท้อนถึงคุณภาพและรสนิยมอันเลอเลิศ ตามแบบฉบับของผลิตภัณฑ์แดนมักกะโรนีอย่างถ่องแท้และชัดเจน ก่อตั้งขึ้นในปี 1984 โดย Mr. Anselmo e Rosanna Grimoldi ผู้ซึ่งมีศาสตร์ระดับปรมาจารย์ในการเนรมิตเครื่องประดับแขนงต่างๆ ได้อย่างไร้ที่ติ เล่าเรียนวิชาผลิตอัญมนีตั้งแต่อายุเพียง 14 ปีจากอาจารย์ผู้มีนามว่า Mr. Romolo Gessi พร้อมสั่งสมฝีมืออย่างยาวนาน จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าระดับราชวงศ์และขุนนางทั่วโลกมากมาย และได้ถ่ายทอดมรดกทางทักษะความรู้ที่ตัวเองมี ให้กับลูกชายและลูกสาวทั้งสี่เพื่อร่วมมือกันบริหารธุรกิจ และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง
จากชื่อเสียงที่สั่งสมมาเป็นเวลากว่าครึ่งทศวรรษ ทำให้ GRIMOLDI เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความสำเร็จมากมาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ภายในอิตาลี แต่ยังขยายฐานลูกค้าไปทั่วทุกมุมโลก จึงทำให้ GRIMOLDI ตัดสินใจเปลี่ยนฐานะตัวเองจากบริษัทที่ดำเนินธุรกิจแบบครอบครัว ให้เป็นแลนมาร์คสำคัญของวงการผลิตเครื่องประดับอัญมณีในอิตาลี ซึ่งแนวคิดการยึดมั่นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และความกล้าคิดริเริ่มในศาสตร์ของช่างฝีมือที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน หลอมรวมกับการพัฒนาอย่างมีทิศทางเพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ จึงทำให้ GRIMOLDI มุ่งไปข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้น ตั้งใจ และบากบั่น เพื่อยกระดับสู่สากลมากยิ่งขึ้น GRIMOLDI ไม่หยุดอยู่เพียงแค่วงการเครื่องประดับเท่านั้น ด้วยปริญญาสาขาวิชาการผลิตเครื่องบอกเวลาจากสวิตเซอร์แลนด์ที่ Mr. Roberto Grimoldi ลูกชายคนโตได้รับมา ทำให้แบรนด์มีความสามารถในการสร้างปรากฎการณ์ และนำเสนอสิ่งใหม่ให้แก่วงการนาฬิกาได้อย่างรวดเร็วในช่วงปี 2000 ซึ่งก็คือนาฬิกาคอลเลคชั่น Borgonovo ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วทั้งโลก พร้อมกับการดำเนินธุรกิจทั้งหมดภายใต้แบรนด์ GRIMOLDI Milano ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยในปัจจุบันมีไลน์นาฬิกาในหลากหลายคอลเลคชั่นตั้งแต่ Borgonovo, Giotto, Brera, San Babila, Bramante, BO2 จนมาถึงคอลเลคชั่นล่าสุด Gran Tipo Ovale และ ELIA
GRIMOLDI Milano Gran Tipo Ovale หรือเรียกอย่างสั้นว่า G.T.O ที่มาจากความหลงใหลในยานยนต์ ผันกลายมาเป็นคอลเลคชั่นหัวแก้วหัวแหวนของ Mr. Roberto Grimoldi ที่เปรียบเสมือนค็อกเทลชั้นยอด โดยนำนาฬิกาจากคอลเลคชั่น Borgonovo สุดคลาสสิค มาพัฒนาและต่อยอดเป็น Grimoldi Milano Gran Tipo Ovale โดยเป็นการผสมผสานขึ้นระหว่างความนุ่มนวลของรูปทรงปะการัง ที่ได้รับการสรรค์สร้างจากธรรมชาติ ผนวกความเป็นเลิศของสุดยอดยนตรกรรมอมตะอย่าง FERRARI 250 GTO รถยนต์ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นเลิศในด้านการออกแบบ และในด้านวิศวกรรมคันหนึ่งของประวัติศาสตร์ยานยนต์บนโลก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นความคลาสสิคและโรแมนติคได้อย่างน่าอัศจรรย์
รูปทรงภายนอก: GRIMOLDI Milano Gran Tipo Ovale มีรูปทรงของตัวเรือนที่โค้งมน ลื่นไหล และนุ่มนวล ถอดแบบมาจากโครงสร้างด้านท้ายช่วงกระจกหลัง ซึ่งสอดรับกับบั้นท้ายและไฟท้ายของ FERRARI 250 GTO ได้ลงตัวอย่างไร้ที่ติ พร้อมการนำรูปทรงของช่องดักอากาศบริเวณกันชนหน้า มาเป็นที่นั่งของสายนาฬิกาได้อย่างสวยงาม นอกจากนี้หากมองจากด้านหน้ารถด้วยมุม 45 องศา ช่วงไฟหน้าจนถึงซุ้มล้อหน้าที่ถูกเรียกอย่างสนุกปากว่า “ตอร์ปิโด” ก็ยังถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจ ในการออกแบบช่วงบ่าของนาฬิกาเรือนนี้เช่นกัน
Mr. Roberto ผู้ออกแบบ ใส่ใจแม้กระทั่งจุดที่มองเห็นได้ยากยิ่ง อย่างฝาหลังของนาฬิกาเรือนนี้ ก็ยังนำรูปทรงของกระจกมองข้างมาใช้ให้คงลักษณะของ FERRARI GTO เช่นเดียวกับเม็ดมะยมที่แม้จะเป็นชิ้นส่วนที่เล็ก แต่ก็เป็นจุดที่ผู้สวมใส่ได้ใช้งานบ่อยที่สุด และต้องรู้สึกถึงความพิเศษทุกครั้งที่ใช้งาน ดังนั้นรูปทรงของดุมล้อ FERRARI 250 GTO จึงถูกนำมาปรับใช้ให้ครบถ้วนทั้งความสวยงามและการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน
GRIMOLDI Milano Gran Tipo Ovale มีตัวเรือนแบบโลหะโค้ง มน กลม เช่นเดียวกับกรอบโครเมี่ยมบนหน้าปัดของ FERRARI 250 GTO เข็มวัดรอบสีแดงบนหน้าปัดที่พร้อมจะกวาดอย่างรวดเร็ว ยามกดคันเร่งถูกนำมาใช้เป็นสีของเข็มบอกวันที่ เพื่อความสปอร์ตและเร้าใจ ติดตั้งอยู่บนแกนสามแฉก ที่ถอดแบบมาจากรูปทรงของพวงมาลัยสามก้านอย่างไม่ผิดเพี้ยน หัวเกียร์ทรงกลมสุดคลาสสิคถูกจำลองมาไว้บนตำแหน่งระบุชั่วโมงทั้งแปดบนหน้าปัดนาฬิกา และถ้าสังเกตอย่างถี่ถ้วนจะเห็นตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา ที่ถูกแทนที่ด้วยเลขอารบิค ที่มีส่วนปลายเชิดขึ้นเสมือนสปอยเลอร์ ที่พร้อมจะรับหน้าที่สร้างแรงกดทุกครั้งยามขับขี่ด้วยความเร็วสูง นอกจากนั้นยังดูคล้ายกระแสลมที่ไหลผ่านตัวถัง เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงอีกด้วย
รายละเอียดปลีกย่อยอย่างมูเล่ย์และสายพานหน้าเครื่อง ยังนำมาใช้เป็นรายละเอียดของเข็มชั่วโมงและเข็มนาที รวมถึงสกรูยึดแกนของกลไกบนหน้าปัดนาฬิกาก็เช่นกัน สายนาฬิกาลายไดมอนด์ผลิตจากหนังแท้ที่สปอร์ตและหรูหรา สื่อถึงบรรยากาศภายในรถที่อบอุ่นแต่ใช่ว่าจะไร้พิษสงยามจำเป็น บัคเคิ้ลสามช่องที่เหมือนจะธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา ถูกแบ่งตามจำนวนสีของธงชาติอิตาลีทั้งสาม มิหนำซ้ำรูปทรงของบัคเคิ้ลยังสื่อถึงสนาม Monza Circuit สนามแข่งรถอันเลื่องชื่อของอิตาลีอีกด้วย
จะเห็นได้ว่า กว่าจะออกมาเป็นนาฬิกาสักเรือนหนึ่ง Mr. Roberto Grimoldi ต้องเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจ ใส่ความรัก และความหลงใหล ลงไปในนาฬิกาคอลเลคชั่นนี้เป็นอย่างมาก ใส่ใจแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อย เพื่อสนองต่อความต้องการและความรู้สึกให้ได้มากที่สุด ซึ่งจุดเหล่านี้เองที่จะคอยสร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้สวมใส่ ดุจดั่งการครอบครองงานศิลปะชั้นดี ซึ่งนอกเหนือจากการสืบทอดความคิดสร้างสรรค์จากรุ่นสู่รุ่นแล้ว GRIMOLDI Milano ยังโดดเด่นด้วยสมดุลที่สมบูรณ์แบบ ระหว่างความสง่างามของจารีตแบบดั้งเดิม และนวัตกรรมในการออกแบบนาฬิกาและเครื่องประดับร่วมสมัย เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าแท้จริงแล้ว นาฬิกาและเครื่องประดับไม่ได้เป็นเพียงวัตถุหรือสิ่งของเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องแสดงออกถึงความเป็นปัจเจกของผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน