AZIMUTH CREATION: SP-1 SPACESHIP COLLECTION & SP-1 SPACESHIP PREDATOR
แบรนด์นาฬิกาอินดี้แนวๆ อย่าง Azimuth มาเปิดตลาดครั้งแรกในบ้านเราทั้งที นอกจากจะขนเอานาฬิการุ่นต่างๆ ของตนมาให้สัมผัสกันแล้ว ยังแสดงความตั้งใจในการมาครั้งนี้ด้วยการผลิตนาฬิกาเอดิชั่นพิเศษออกมาเป็นที่ระลึกในการมาเยือนแดนสยามอย่างเป็นทางการครั้งแรกด้วย โดยเป็นเอดิชั่นพิเศษของนาฬิการุ่นดังในไลน์ SP-1 Mecanique ที่มีชื่อรุ่นว่า SP-1 Spaceship Predator เวอร์ชั่น “Siam Edition” แต่ก่อนที่จะมาดูรายละเอียดของรุ่นพิเศษนี้ เรามารู้จักกับนาฬิการุ่น SP-1 Spaceship กันสักนิดก่อนนะครับ
SP-1 Spaceship เป็นหนึ่งในตระกูลคอลเลคชั่น SP-1 Mecanique ซึ่งเป็นกลุ่มนาฬิกา Azimuth ที่นำเสนอระบบกลไกและการแสดงผลที่มีความซับซ้อนกว่าการแสดงเวลาแบบพื้นฐานโดยทั่วไปโดยในปัจจุบันนาฬิกาตระกูล SP-1 Mecanique ก็มีออกมาให้เลือกถึงกว่า 10 รุ่น ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งในด้านดีไซน์ของตัวเรือน การตกแต่ง กลไกที่ใช้ ตลอดจนรูปแบบของการแสดงผลที่แตกต่างกัน
SP-1 Spaceship เป็นหนึ่งในตระกูลคอลเลคชั่น SP-1 Mecanique ซึ่งเป็นกลุ่มนาฬิกา Azimuth ที่นำเสนอระบบกลไกและการแสดงผลที่มีความซับซ้อนกว่าการแสดงเวลาแบบพื้นฐานโดยทั่วไปโดยในปัจจุบันนาฬิกาตระกูล SP-1 Mecanique ก็มีออกมาให้เลือกถึงกว่า 10 รุ่น ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งในด้านดีไซน์ของตัวเรือน การตกแต่ง กลไกที่ใช้ ตลอดจนรูปแบบของการแสดงผลที่แตกต่างกัน
สำหรับ SP-1 Spaceship นั้น ด้วยชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นยานอวกาศ จึงไม่แปลกใจที่รูปทรงของนาฬิการุ่นนี้จะมีดีไซน์ที่เป็นรูปแบบของจานบินจากรูปร่างของตัวเรือนสตีลต่อเนื่องกับกระจกหน้าปัดทรงโดมโค้งนูนและนำเม็ดมะยมขนาดใหญ่ไปจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งทำให้นาฬิการุ่นนี้มีเสน่ห์สะกดสายตาได้ดีเหลือเกิน เท่านั้นยังไม่พอ รูปแบบการแสดงผลของนาฬิการุ่นนี้ยังถูกโมดิฟายด์ให้แสดงชั่วโมงด้วยจานดิสก์ซึ่งจะหมุนกระโดดแบบจั๊มปิ้งอยู่บนหัวของเข็มวัสดุไทเทเนี่ยมดีไซน์ 3 มิติขนาดใหญ่ซึ่งจะมีส่วนปลายแหลมอีกด้านหนึ่งทำหน้าที่ชี้บอกนาทีเคลื่อนหมุนไปรอบหน้าปัด โดยการอ่านค่าชั่วโมงนั้นจะอ่านจากช่องกลมของหัวเข็ม ซึ่งทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีกสำหรับ SP-1 Spaceship นั้น ด้วยชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นยานอวกาศ จึงไม่แปลกใจที่รูปทรงของนาฬิการุ่นนี้จะมีดีไซน์ที่เป็นรูปแบบของจานบินจากรูปร่างของตัวเรือนสตีลต่อเนื่องกับกระจกหน้าปัดทรงโดมโค้งนูนและนำเม็ดมะยมขนาดใหญ่ไปจัดวางไว้ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา ซึ่งทำให้นาฬิการุ่นนี้มีเสน่ห์สะกดสายตาได้ดีเหลือเกิน เท่านั้นยังไม่พอ รูปแบบการแสดงผลของนาฬิการุ่นนี้ยังถูกโมดิฟายด์ให้แสดงชั่วโมงด้วยจานดิสก์ซึ่งจะหมุนกระโดดแบบจั๊มปิ้งอยู่บนหัวของเข็มวัสดุไทเทเนี่ยมดีไซน์ 3 มิติขนาดใหญ่ซึ่งจะมีส่วนปลายแหลมอีกด้านหนึ่งทำหน้าที่ชี้บอกนาทีเคลื่อนหมุนไปรอบหน้าปัด โดยการอ่านค่าชั่วโมงนั้นจะอ่านจากช่องกลมของหัวเข็ม ซึ่งทำให้นาฬิการุ่นนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก
นอกจากนี้ยังมีรุ่น SP-1 Spaceship Predator ที่เพิ่มความดุดันด้วยรูปแบบของกลไกฉลุสเกเลตันสไตล์อินดัสเตรียลลุคส์พร้อมสกรูว์สีน้ำเงินซึ่งมองเห็นได้อย่างชัดเจนจากการใช้พื้นหน้าปัดเป็นกระจกใสแผ่นบาง โดยกลไกนี้จะใช้ชื่อว่า AZM 768 ด้วยความที่โรงงาน Azimuth ลงมือฉลุสเกเลตันบนตัวกลไกเบส Unitas รวมถึงตกแต่งชิ้นส่วนต่างๆ ใหม่เกือบทั้งหมด โดยสำหรับรุ่นนี้จะมีเข็มวินาทีทรงสามเหลี่ยมฉลุกลางอยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ส่วนในด้านของตัวเรือนนั้น SP-1 Spaceship ในแต่ละรุ่นจะมีให้เลือกทั้งในแบบตัวเรือนสตีลกับแบบตัวเรือนเคลือบพีวีดีดำ สวมคู่กับสายหนังหรือสายยาง ยกเว้นรุ่น Tigereye ที่มีเฉพาะแบบตัวเรือนสตีลเท่านั้น
SP-1 Spaceship Predator “Siam Edition”
สำหรับ SP-1 Spaceship Predator เอดิชั่นพิเศษ “Siam Edition” ที่ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 20 เรือน ในโอกาสแห่งการแนะนำแบรนด์ Azimuth อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในปี 2014 ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานตัวเรือนสตีลขนาด 47.8 มิลลิเมตรของรุ่น SP-1 Spaceship Predator โดยจะมีความแตกต่างอยู่ที่การใช้เข็มไทเทเนี่ยมเคลือบทอง ร่วมกับการเคลือบพีวีดีบนโครงกลไกสเกเลตันให้มีสีเข้มขึ้น เพื่อขับให้เข็มสีทองมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น และใช้สายหนังกระบือแทนหนังจระเข้หรือหนังวัวในเวอร์ชั่นมาตรฐาน
SP-1 Spaceship Predator “Siam Edition”
สำหรับ SP-1 Spaceship Predator เอดิชั่นพิเศษ “Siam Edition” ที่ถูกผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 20 เรือน ในโอกาสแห่งการแนะนำแบรนด์ Azimuth อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในปี 2014 ได้ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานตัวเรือนสตีลขนาด 47.8 มิลลิเมตรของรุ่น SP-1 Spaceship Predator โดยจะมีความแตกต่างอยู่ที่การใช้เข็มไทเทเนี่ยมเคลือบทอง ร่วมกับการเคลือบพีวีดีบนโครงกลไกสเกเลตันให้มีสีเข้มขึ้น เพื่อขับให้เข็มสีทองมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น และใช้สายหนังกระบือแทนหนังจระเข้หรือหนังวัวในเวอร์ชั่นมาตรฐาน